8 วิธีป้องกันบัตรเครดิต ให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพ

หัวข้อเด่นในเรื่องนี้

คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันนิยมใช้บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตกันเยอะ เพราะสะดวกสบาย แค่รูดก็ชำระเงินค่าสินค้าและบริการต่างๆสำเร็จ โดยไม่ต้องพกเงินสดติดตัว นอกจากนี้บัตรเครดิตบางใบยังมีโปรโมชั่นดีๆมาล่อให้ใช้รูดซื้อสินค้าไปอีก ด้วยความที่บัตรเครดิตและบัตรเดบิตใช้งานง่ายนี่แหละ จึงเสี่ยงต่อการเกิดขโมยข้อมูลนำไปรูดซื้อสินค้าหรือบริการได้ง่าย เพื่อเป็นการใช้บัตรเครดิต และบัตรเดบิตอย่างระมัดระวัง วันนี้ทางเว็บ 168creditcards.com จึงได้รวบรวม 8 วิธีป้องกันบัตรเครดิตให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพมาฝากกัน เพื่อจะได้ใช้บัตรเครดิต เดบิตได้อย่างปลอดภัยค่ะ

8 วิธีป้องกันบัตรเครดิต ให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพ 1

1. จับตาดูบัตรเครดิตอย่างใกล้ชิด

บ่อยครั้งที่เราซื้อสินค้าแล้วนำบัตรไปให้พนักงานโดยไม่ได้จับตาดูบัตรอย่างใกล้ชิด แล้วหันไปสนใจสินค้าอย่างอื่นแทน ก็อาจโดนขโมยข้อมูลบนบัตรไปรูดซื้อสินค้าได้อย่างง่ายๆ ฉะนั้นตอนยื่นบัตรให้พนักงานต้องจับตาดูบัตรเราไว้ด้วย เผื่อพบสิ่งผิดปกติขึ้นมา จะได้รู้ทันนั่นเอง

2. ตั้งรหัสผ่านให้เดายาก และเปลี่ยนรหัสผ่านใหม่ทุก 3 เดือน

การตั้งรหัสผ่านให้ตั้งแบบที่เดายากไว้ก่อน แบบที่เดาง่ายๆ เช่น 1234 หรือวันเดือนปีเกิด ห้ามนำไปตั้งเด็ดขาด เพราะเป็นรหัสผ่านที่เดาง่ายมาก ที่สำคัญเลยคือต้องเปลี่ยนรหัสใหม่ทุก 3 เดือน และต้องเก็บรหัสไว้ให้เป็นความลับ ไม่จดรหัสไว้หลังบัตรหรือช่องใส่บัตร และห้ามบอกคนอื่นที่ไม่ใช่คนใกล้ชิดหรือไว้ใจได้โดยเด็ดขาด

3. เปิดใช้งานแจ้งเตือนเมื่อมีการเคลื่อนไหวบัญชี

ให้เปิดใช้งานแจ้งเตือนเมื่อมีการเคลื่อนไหวบัญชีไว้ด้วย โดยจะให้แจ้งเตือนผ่าน SMS หรือ Email ก็ได้ จะได้รู้เวลามีคนแอบนำบัตรไปใช้ค่ะ

4. ตรวจสอบยอดใช้จ่ายอยู่เสมอ

อีกหนึ่งวิธีในการป้องกันบัตรเครดิตให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพ นั่นก็คือ การคอยเช็กการใช้จ่ายอยู่เสมอว่าตรงกับราคาสินค้าที่เราจ่ายไปจริง ๆ ไหม ทั้งก่อนเซ็นเซลล์สลิป และหลังจากใช้จ่ายไปแล้วในใบแจ้งบัญชีประจำเดือน เพราะหากมีปัญหาอะไรขึ้นมา เราจะได้รู้ตัวทันท่วงที

8 วิธีป้องกันบัตรเครดิต ให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพ 2

5. ใช้บัตรกับร้านค้าที่เชื่อถือได้เท่านั้น

หากไม่อยากโดนมิจฉาชีพขโมยข้อมูลบัตร แนะนำให้ใช้บัตรกับร้านค้าที่เชื่อถือได้เท่านั้น หากจะรูดซื้อสินค้ากับร้านค้าออนไลน์ก็ต้องเลือกร้านที่มีหน้าร้านชัดเจน หรือเลือกซื้อบนเว็บไซต์ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานรัฐบาล ก็จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการทำธุรกรรมได้มากขึ้น

6. ตรวจสอบยอดค่าใช้จ่ายก่อนเซ็น

เมื่อรูดบัตรเครดิตแล้ว ให้ตรวจสอบยอดค่าใช้จ่ายก่อนเซ็นด้วย หากพบว่ายอดค่าใช้จ่ายไม่ตรงกับที่ซื้อสินค้าไปจะได้แก้ไขทัน และอย่าลืมเก็บสลิปไว้เช็กกับใบแจ้งยอดชำระประจำเดือนกันด้วย

7. ปิดรหัสเลข 3 หลัก CVV ไว้

รหัส CVV คือเลข 3 หลักที่อยู่หลังบัตร ซึ่งเป็นรหัสเพื่อการยืนยันตัวตนในการชำระเงินออนไลน์ และหากมิจฉาชีพได้รหัสนี้ไป ก็มีโอกาสที่จะนำไปซื้อสินค้าได้ง่ายๆ โดยเราสามารถป้องกันได้ ด้วยการจดจำตัวเลขหรือจดบันทึกรหัสไว้ในที่ปลอดภัย แล้วขูดรหัส CVV ด้านหลังบัตรทิ้ง หรืออาจจะใช้วิธีติดสติ๊กเกอร์ปิดรหัส CVV ไว้ก็ได้เช่นกัน

8. หากพบความผิดปกติให้รีบติดต่อธนาคารทันที

หากพบว่าบัตรสูญหาย ถูกขโมย หรือมียอดใช้จ่ายที่ผิดปกติ ให้รีบทำการติดต่อธนาคารทันทีเพื่อให้ธนาคารทำการอายัดบัตร และหลังจากนั้นควรรีบไปแจ้งความที่สถานีตำรวจด้วย เพื่อจะได้ติดตามและป้องกันความเสียหายได้ทันท่วงที