ความต่างระหว่างบัตรเครดิตแบบ Visa และ MasterCard

หัวข้อเด่นในเรื่องนี้

หากคุณกำลังที่จะทำบัตรเครดิตใหม่อยู่ คุณอาจสงสัยว่า VISA และ MasterCard

แบบไหนจะดีสำหรับคุณ สำหรับบัตรประเภทวีซ่าและมาสเตอร์การ์ด อาจจะมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้าเมื่อต้องตัดสินใจระหว่างบัตรวีซ่ากับมาสเตอร์การ์ด คนส่วนใหญ่ก็มักจะให้ความสนใจมากขึ้น ว่าธนาคารผู้ออกบัตรจะนำเสนอบัตรเครดิตประเภทไหนให้ หรือบัตรแต่ละประเภทมีสิทธิประโยชน์อย่างไร เช่น Cashback หรือผ่อนชำระ 0% เป็นต้น

VISA และ MasterCard คืออะไร

วีซ่าและมาสเตอร์การ์ดไม่ได้เป็นผู้ออกบัตรเครดิตโดยตรง แต่เป็นตัวกลางในการชำระเงิน และดำเนินการระหว่าง ร้านค้า กับ สถาบันการเงิน ซึ่งสถาบันการเงินจะมีสองส่วน คือ สถาบันการเงินที่ออกบัตร และสถาบันการเงินเจ้าของเครื่องรูดชำระที่ติดตั้งในร้านค้า
โดยทั้งวีซ่าและมาสเตอร์การ์ดนั้น มีเครือข่ายอยู่ทั่วทุกมุมโลก ซึ่งได้รับการยอมรับจากสากลว่าเป็นระบบที่ worldwide มากที่สุด นอกจากวีซ่าและมาสเตอร์การ์ดแล้ว ยังมีผู้ให้บริการรายอื่น ๆ อีก เช่น American Express, JCB, UNIONPAY เป็นต้น

ความแตกต่างระหว่าง VISA และ MasterCard

จากการสำรวจผู้บริโภคทั้งบัตรวีซ่าและมาสเตอร์การ์ดพบว่า บัตรวีซ่าและมาสเตอร์การ์ดมีสิทธิประโยชน์และข้อเสนอต่าง ๆ ที่คล้ายคลึงกัน และมีการให้บริการที่แตกต่างกันแค่เพียงเล็กน้อย

ความต่างระหว่างบัตรเครดิตแบบ Visa และ MasterCard 1

VISA

บัตรประเภทวีซ่ามีหลายระดับดังต่อไปนี้ VISA Classic, VISA Gold, VISA Platinum, VISA Signature และ VISA Elite

VISA Classic เป็นบัตรพื้นฐานของบัตรวีซ่า ซึ่งมีสิทธิประโยชน์ดังนี้ ความช่วยเหลือทุกแห่งทั่วโลก 24 ชั่วโมง 7 วันทำการ จากบริการช่วยเหลือฉุกเฉินสำหรับลูกค้าวีซ่า (Global Customer Assistance), รับบัตรทดแทนในเวลาฉุกเฉิน, และเปิกถอนเงินสดฉุกเฉิน

VISA Gold จะได้รับสิทธิประโยชน์เช่นเดียวกับ วีซ่า คลาสสิก พร้อมทั้งได้รับข้อเสนอพิเศษจากร้านค้า ภัตตาคาร แหล่งท่องเที่ยว และสถานบันเทิงชั้นนำทั่วโลก

VISA Platinum มีสิทธิประโยชน์ดังนี้ มีผู้ดูแลส่วนตัว 24 ชั่วโมง, ประกันอุบัติเหตุระหว่างเดินทางของผู้ถือบัตร คู่สมรส และบุตร ในวงเงินขั้นต่ำ 500,000 ขึ้นไป, โบนัสในการเดินทาง ซึ่งจะได้รับการต้อนรับระดับวีไอพีระหว่างเดินทาง, สะสมคะแนนแลกของรางวัล และเอกสิทธิ์แห่งไลฟสไตล์ ที่จะได้รับเชิญไปรับประทานมือค่ำสุดหรู

VISA Signature มีสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างจากระดับแพลทินัม ซึ่งสิทธิประโยชน์ของระดับซิกเนเจอร์มีดังนี้ คะแนนสะสมเพื่อแลกรับรางวัลพิเศษ, บริการผู้ดูแลส่วนตัว, ประกันอุบัติเหตุการเดินทางตลอดเส้นทาง, สิทธิพิเศษที่สนามบิน, สิทธิประโยชน์จากโรงแรม และสิทธิพิเศษส่วนลดสนามกอล์ฟกว่า 300 แห่งทั่วโลก

VISA Infinite ถือเป็นระดับสูงสุดของบัตร VISA มีสิทธิพิเศษดังนี้ ผู้ดูแลส่วนตัวถึงที่บ้าน รวมไปถึงในต่างประเทศด้วย ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันทำการ, ประกันอุบัติเหตุการเดินทาง ขั้นต่ำ 1,000,000 ขึ้นไป, พักผ่อนในห้องรับรองพิเศษของสนามบินทั่วโลก, สิทธิพิเศษที่สนามบินระดับวีไอพี และข้อเสนอพิเศษส่วนลด 75% จากโรงแรมกว่า 55,000 แห่งทั่วโลก

วีซ่าและมาสเตอร์การ์ด

MasterCard

มาสเตอร์การ์ดนั้นมี 5 ประเภท เช่นเดียวกันกับ VISA ได้แก่ MasterCard Standard, MasterCard Gold, MasterCard Platinum, MasterCard World และ MasterCard World Elite ซึ่งสิทธิประโยชน์นั้นมีความคล้ายคลึงกับบัตร VISA

MasterCard Standard มีสิทธิประโยชน์ดังนี้ MasterCard Global Service บริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันทำการ และเงินฉุกเฉิน

MasterCard Gold มีสิทธิประโยชน์ดังนี้ บริการช่วยเหลือบนท้องถนน ทั้งส่งน้ำมันฉุกเฉิน เปลี่ยนยาง และอื่น ๆ, บริการผู้ช่วยเหลือระหว่างเดินทาง ติดต่อสถานทูตในกรณีฉุกเฉิน รวมไปถึงแพทย์และทนายความ ที่สามารถพูดภาษาของคุณได้ด้วย

MasterCard Platinum มีบริการ Purchase Assurance ที่ช่วยคุ้มครองสินค้าที่คุณซื้อผ่านบัตร มาสเตอร์การ์ด แพลทินัม ในกรณีสูญหายหรือถูกขโมย ภายใน 90 วัน, บริการผู้ช่วยเหลือระหว่างเดินทาง เช่นเดียวกันกับ มาสเตอร์การ์ด โกลด์ และบริการผู้ช่วยทางด้านการเงินที่ช่วยจัดการการเงินของคุณ ทั้งการเตรียมการด้านภาษี และบริหารจัดการเงินของคุณ

MasterCard World จะมีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากบัตร Benefits เช่นมีที่ปรึกษาการเดินทางส่วนบุคคล, มีการคุ้มครองราคาเพิ่มเป็น 120 วัน และมีสิ่งอำนวยความสะดวกในโรงแรมเพิ่ม เช่น อาหารเช้าฟรี, เช็คเอาท์ช้าได้, และการอัพเกรดห้องพัก

MasterCard World Elite เป็นบัตรระดับสูงสุดของมาสเตอร์การ์ด มาพร้อมกับสิทธิประโยชน์มหาศาล เช่น ให้บริการในราคาสุดพิเศษกับร้านค้าที่ร่วมรายการหรือบริการเช่ารถ, ราคาสุดพิเศษสำหรับค่าตั๋วเครื่องบินและการล่องเรือ หรือแพคเกจท่องเที่ยวสำหรับวันหยุดพักผ่อน

อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ประเภทก็น่าใช้ทั้งคู่นะคะ อยู่ที่ว่าบัตรแต่ละประเภทนั้นตรงกับไลฟ์สไตล์ของใครเท่านั้นเอง

แหล่งข้อมูล/moneyguru